วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิเคราะห์ swot โรงเรียนบ้านอายเลา

การวิเคราะห์องค์กร SWOT Analysis
โรงเรียนบ้านอายเลา อ.จุฬาภรณ์

                 โรงเรียนบ้านอายเลา  ได้จัดทำ SWOT Analysis  ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 
   ปัจจัยภายใน( Internal Environment ) ใช้หลัก 7Ss คือ
            1. ยุทธศาสตร์ (Strategy)
            2. โครงสร้างองค์การบริหารงานของสถานศึกษา(Structure)
            3. ระบบองค์การ (System)
            4. ทักษะของบุคลากร(Skill)
            5. คุณค่าร่วมในองค์การ (Shared Values)
            6. บุคลากร(Staff)
            7. รูปแบบการนาองค์การ(Style)
      ปัจจัยภายนอก ( External Environment ) ใช้หลัก C – PEST คือ
            1. ลูกค้า (Customer)
            2. สถานการณ์ทางการเมือง(Political)
            3. สภาพเศรษฐกิจ (Economic)
            4. สภาพแวดล้อม (Environment)
            5. สภาพสังคม(Social)
            6. เทคโนโลยี(Technological)
      ผลการวิเคราะห์องค์กร SWOT Analysis ของโรงเรียนบ้านอายเลา  มีดังนี้
             ปัจจัยภายใน ( Internal Environment )
                1. ยุทธศาสตร์ (Strategy)
                    จุดแข็ง ( Strength )
                        สถานศึกษามีการกำหนดวิสัยทัศน์ยุทธศาสตร์และเป้าหมายที่ชัดเจนและสอดคล้องกับ
                    แนวทางของกระทรวงศึกษาธิการ
                   
      จุดอ่อน ( Weakness )
                        1.มีแผนยุทธศาสตร์แต่ปฏิบัติได้ไม่ครบ
                        2.ขาดการกำกับติดตามอย่างต่อเนื่อง
                        3.การทำยุทธศาสตร์ไม่มีการทบทวน  SWOT ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
               2. โครงสร้างองค์การบริหารงานของสถานศึกษา(Structure)
                    จุดแข็ง ( Strength )
                          1.สถานศึกษามีโครงสร้างองค์การบริหารงานชัดเจน
                          2.มีคู่มือการบริหารงานที่ชัดเจน
                    จุดอ่อน ( Weakness )
                           1.ภาระงานมีหลายหน้าที่ทา ให้ขาดความชัดเจนในการปฏิบัติงาน
                           2.ครูไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่
                           3.ขาดการนิเทศติดตามงานไม่สม่ำเสมอ
              3. ระบบองค์การ (System)
                    จุดแข็ง ( Strength )
                          1.สถานศึกษามีกฎระเบียบและหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติงานที่ชัดเจน
                          2.โรงเรียนมีการใช้ระบบICT เข้ามาใช้ในการปฏิบัติงานและการ
                              ติดต่อสื่อสาร

                          3.ความร่วมมือของบุคลากรเข้มแข็ง
                          4.โรงเรียนมีการประสานกับหน่วยงานอื่นในการพัฒนาโรงเรียน
                    จุดอ่อน ( Weakness )
                          1.ขาดการนาระเบียบไปใช้อย่างเต็มรูปแบบ
                          2.การใช้ระบบICT ยังไม่เป็นไปอย่างเต็มศักยภาพ
                          3.อุปกรณ์ด้าน ICT ไม่เพียงพอกับครูและนักเรียน
               4. ทักษะของบุคลากร(Skill)
                    จุดแข็ง ( Strength )
                         1.บุคลากรมีประสบการณ์ในการจัดการเรียนการสอน
        จุดอ่อน ( Weakness )
                       1.บุคลากรบางส่วนขาดความรู้ความชำนาญด้าน ICT
     ปัจจัยภายนอก ( External Environment )
           1. ลูกค้า (Customer)
               โอกาส ( Opportunity )
               1.โรงเรียนมีเขตบริการหลายหมู่บ้าน จำนวนนักเรียนมีมาก
               2.ผู้ปกครองให้ความสำคัญและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
               3.นักเรียนในเกณฑ์เข้าเรียนมีมาก
               อุปสรรค ( Threats )
               1.ผู้ปกครองมีค่านิยมในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในเมือง
          2. สถานการณ์ทางการเมือง(Political)
              โอกาส ( Opportunity )
               1.นโยบายต้นสังกัดมีการกำหนดแนวการปฏิบัติงาน
               2.ได้รับงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาโรงเรียนเพิ่มขึ้นจากเดิม

           มกี ารกา บ้าน จา   3.องค์การบริหารส่วนตำบลให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี
              อุปสรรค ( Threats )
              1.เปลี่ยนแนวนโยบายบ่อย ๆ เนื่องจากการเปลี่ยนรัฐบาล หรือเปลี่ยนผู้บริหาร
              2.การกระจายงบประมาณไม่ทั่วถึงและไม่เหมาะสม
       3. สภาพเศรษฐกิจ (Economic)
             โอกาส ( Opportunity )
             1.โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากชุมชน
             อุปสรรค ( Threats )
             1.รายได้ของชุมชน ผู้ปกครองไม่แน่นอนส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง
       4. สภาพแวดล้อม (Environment)
            โอกาส ( Opportunity )
            1.ชุมชนมีความสามัคคี ปลอดยาเสพติด
            2.ชุมชนมีความรักและร่วมอนุรักษ์ในศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น
            3.มีภูมิปัญญาท้องถิ่นและแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย
            อุปสรรค ( Threats )
             1.มีสิ่งแวดล้อมที่มีสื่อยั่วยุ เช่น ร้านเกม การใช้โทรศัพท์มือถือ ทำให้นักเรียนมีความเสี่ยงใน

    การดำรงชีวิตที่ดี
        ปัจจัยภายนอก ( External Environment )
            5. สภาพสังคม(Social)
                โอกาส ( Opportunity )
                1.สภาพสังคมในชุมชนอยู่อย่างสงบสุข ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
                2.ผู้นำชุมชนมองเห็นความสำคัญของการศึกษา
               อุปสรรค ( Threats )
                1.มีปัญหาการหย่าร้างมาก
                2.ผู้ปกครองไม่มีเวลาดูแลบุตรหลานเท่าที่ควรเนื่องจากต้องทำงาน
                3.ผู้ปกครองบางส่วนขาดความรู้ความเข้าใจในการเรียนการสอน
         6. เทคโนโลยี(Technological)
             โอกาส ( Opportunity )
             1.โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากชุมชนองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งโพธิ์ อย่างเต็มที่
             อุปสรรค ( Threats )
             1.สื่อที่ได้รับไม่เพียงพอกับความต้องการของจำนวนนักเรียน

วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กิจกรรมที่ 6

กิจกรรมที่  6  การทำ Blogger
จากการศึกษาวิชาการจัดการนวัตกรรมทางการศึกษา  ได้เรียนรู้การทำบล็อกเป็นของตนเอง ทำให้ได้รับประโยชน์ดังต่อไปนี้ 
1.  ทำเพราะมีความสุขที่จะทำ
2. ทำแล้วมีความสุขก็ทำ
3. ทำแล้วไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเสียหายก็ทำ (ถ้าทำไปแล้วมีคนคิดว่าเสียหาย ก็หยุดได้)
4. ทำแล้วสามารถทำประโยชน์ให้คนอื่นได้ก็ทำ
เป้าหมายการทำบล็อกของตนเอง
1. แสดงความคิดเห็น นำเสนอเรื่องราวที่เราสนใจ ที่เราชอบ และคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อ
    ผู้อื่น
2. แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อสั่งสม สร้างเสริมและพัฒนาความรู้ความสามารถทางสติปัญญา
                และด้านอื่นๆของตนเอง
           3. สร้างสัมพันธ์ระหว่างเรากับบุคคลอื่นในชุมชน blog
          4. ประโยชน์อื่นใดที่ อาจมีมา หาได้ ทำประประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ต้องการ และสมควรได้รับจากการ
              ทำบล็อกในอนาคต
          จากการสังเคราะห์ คำว่า 'Blogger บล็อกเกอร์' มาระยะหนึ่ง ขอสรุปเอาจากสิ่งที่พบเห็น มาดูกันนะคะ ว่าพอจะจัดหมวดหมู่ได้อย่างไรบ้าง
          ซึ่งสิ่งที่เขียนไว้นี้ ไม่ใช่บทบัญญัติให้ปฏิบัติตาม บล็อกเกอร์มีอิสระในการแสดงออกและนำเสนอตามความสนใจ ความถนัด ความต้องการ จะเลือกทำบทบาทใดบทบาทหนึ่ง หรือ ผสมกันไปก็ย่อมได้ ส่วนแนวทางที่ควรหรือไม่ควรปฏิบัติไม่ใช้วัตถุประสงค์ของบทความนี้ค่ะ หากจะมีก็เป็นเพียงคำแนะนำในบางจุดเท่านั้น ซึ่งบล็อกเกอร์จะนำไปใช้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเห็นควรของตนเองนะคะ คนที่จะตัดสินคือ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของ บล็อกเกอร์  หรือบุคคลทั่วไป ที่จะแวะมาที่บล็อก หรือ เจ้าของบล็อกที่ บล็อกเกอร์ไปหาเขานั่นเองค่ะ ว่าเขาจะชอบ จะชัง แบบใด ต้องสังเกตุหรือหาข้อมูลเอาเองนะคะ
สถานภาพของ Blogger  และบทบาทโดยสังเขป
1) Contributor ผู้เขียนเรื่อง หรือจะเรียก Producer ผู้ผลิต ก็ ได้เช่นกัน เพราะงานในบล็อกมิได้มีเพียงแค่เนื้อหา แต่ยังมีองค์ประกอบเสริมที่จะทำให้เรื่องน่าสนใจ น่าอ่าน ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับสาระ ตรงตามที่เราตั้งใจ ซึ่งอาจจะเป็น วิชาการ ความรู้ บันเทิง กิจกรรม การกุศล หรืออะไรก็แล้วแต่ทีเราตั้งใจจะส่งออกไปให้ผู้เสพบล็อกได้รับ จะเขียนสั้น เขียนยาว หรือเป็นคำถามให้คิด ให้ตอบ ให้ร่วมสนุก ก็ตาม
ในส่วน Content หรือ เนื้อหาของ เรื่องที่โพสในบล็อกกันนั้น ก็มีหลายแบบ แต่ละแบบมีวิธีเขียน หรือ นำเสนอแตกต่างกันได้ เช่น การเขียนไดอารี่จะเป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวัน ไม่ต้องมีบทนำ บทสรุป ข้อคิด แตกต่างจากการ เขียนบล็อกที่ส่วนใหญ่จะมีแบบแผนในการเขียนเหมือนการเขียนเรียงความ มีการใช้ลูกเล่นได้หลากหลาย
ตัวอย่างประเภทของเนื้อหา ได้แก่
          - เขียนโครงการ ใช้เป็นเวทีทำกิจกรรม เนื่องในโอกาสต่างๆ หรือทำธุรกรรมการค้า หารายได้ ทั้งที่หากำไร และ ไม่หากำไร
          - เขียน/พูด/รายงาน เองทั้งหมด (ในอนาคตอาจมีการเขียนสคริปต์ให้กันด้วย) จากการค้นคว้า จากเหตุการณ์ จากการสัมภาษณ์ จากความทรงจำ จากอารมณ์ จากประสบการณ์ เช่น ไดอารี่ เรื่องสั้น บทความต่างๆ คู่มือต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องนี้ การายงานข่าว การสัมภาษณ์สด Blog Talk, Blog Cast
         - เขียนขึ้นเองทั้งหมดจากแหล่งข้อมูลของตัวเอง หรือที่ตัวเองรวบรวมมา คล้ายๆการทำรายงานหรือวิทยานิพนธ์ โดยระบุที่มาและให้เครดิตเจ้าของเนื้อหา
         - งานแปล จากภาษาอื่นโดยตัวเอง โดยได้รับอนุญาตจากผู้แต่ง
         - นำบทความของคนอื่นมาเรียบเรียงใหม่ เพื่อดึงจุดที่ตนเองอยากนำเสนอออกมาให้เด่นชัด ซึ่งเมื่อมีใครมาอ่านจะเข้าใจทันทีว่า ไม่ได้ลอกมาแต่มีการนำความคิดของผู้เขียนไปผสม ยกตัวอย่างเช่น งานวิจารณ์หนังสือ วรรณกรรม บุคคลในข่าว วิเคราะห์ข่าว โดยบอกแหล่งที่มา และให้เครดิตผู้แต่ง และ/หรือเจ้าของ
         - การคัดลอกเนื้อหาจากจากแหล่งอื่น เพื่อใช้อ้างอิงในบทความของตนเอง โดยบอกแหล่งที่มา และให้เครดิตผู้แต่ง และ/หรือเจ้าของ
         - การคัดลอกผลงานบุคคลอื่นมาทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่ เพื่อกระจายข้อมูลข่าวสารให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ช่วยโปรโมท หรือเอามาเผยแพร่เพื่อความบันเทิง สนุกสนาน ชื่นชม ประหลาดใจในความแปลก โดยบอกแหล่งที่มา และให้เครดิตผู้แต่ง และ/หรือเจ้าของ
        - การเอาเรื่องทั้งหมดของบุคคลอื่นมาแปะในบล็อก 100% ด้วยเหตุผลต่างๆกันไป
2) Commentator ผู้ออกความเห็น ในฐานะผู้เยือน เมื่อไปอ่านไปเยี่ยมชมบล็อกของคนอื่น ก็ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ในการปฏิบัติและแสดงตนให้เหมาะสมกับตัวเอง เนื้อหา อารมณ์ สภาวะแวดล้อมของเรื่อง ของบล็อก ของบล็อกเกอร์ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ตลอดจนห้วงเวลาที่เราไปหา เช่น อ่านเนื้อเรื่องแล้ว ต้องอ่านคอมเมนต์ประกอบไปด้วย จึงจะเห็นภาพรวมได้ และ ช่วยให้การออกความเห็นมีรสชาตดีกว่าการไม่อ่านอะไรเลย หรืออ่านแต่เพียงหัวข้อ เนื้อเรื่องนิดหน่อยแล้วสรุปเหมาเอาเอง
ในส่วนวิธีการเขียนคอมเมนต์ ก็มีหลายแบบ เช่นกัน ยกตัวอย่าง เช่น
          - อ่านเรื่องโดยละเอียด แล้วร่วมแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนั้นๆ แม้จะคิดแตกต่างก็แสดงออก บางทีเอาเรื่องของตัวเองที่สอดคล้องกับเนื้อหา มาแบ่งปันด้วย
          - อ่านเรื่องโดยละเอียด แล้วร่วมแสดงความคิดเห็น แต่ยังเกรงใจอยู่ บางทีเอาเรื่องของตัวเองมาแบ่งปันด้วย จะเข้ากับเนื้อหา หรือไม่ก็แล้วแต่กรณี
          - อ่านเรื่องบ้าง พอให้ได้ใจความ ก็เขียนความเห็นเลย จะพบความไม่ละเอียดได้จาก การถาม หรือ พูดในสิ่งที่มีอยู่ในเนื้อเรื่องแล้ว บางทีเอาเรื่องของตัวเองมาแบ่งปันด้วย จะเข้ากับเนื้อหาหรือไม่ก็แล้วแต่กรณี
          - ไม่อ่านเรื่อง แต่ออกความเห็น อาจจะดูแค่ชื่อเรื่อง แล้วคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นเรื่องแนวไหน จะพบเห็นได้ ว่าบางทีก็เขียนไปคนละเรื่องเลย บางทีเอาเรื่องที่ตัวเองเขียน หรือเรื่องของตัวเองมาผสมด้วย จะเข้ากับเนื้อหาหรือไม่ก็แล้วแต่กรณี
          -  อ่านหรือไม่ไม่ทราบ แต่มาชักชวนให้ไปเที่ยว บล็อกตัวเอง
          - ไม่อ่านอะไรเลย เอาลิงค์มาแปะไว้เฉยๆ บางทีมีการทักทายก่อน บางทีไม่มีการทักทาย
          - มาทักทาย ตามเวลา ตามโอกาส มาแสดงตัวว่ามาเยี่ยม
          - มาสนทนา มาโต้ตอบ
          - เจ้าของบล็อกมาตอบคอมเมนต์
          - มาถามหา มาเสนอแนะ ให้คำแนะนำ แนะนำแหล่งข้อมูลดีดี
          - มาชักชวนไปทำกิจกรรมร่วมกัน มาชักชวนไปอ่านเรื่องดีดีของบล็อกอื่น
          - มาตั้งคำถาม ตั้งขอสงสัย ขอความช่วยเหลือ
          - มาตอบคำถาม มาคลายข้อข้องใจ มาให้ความช่วยเหลือ
          - มาแสดงอารมณ์ ดีใจ สุข เศร้า เหงา ผิดหวัง บ่น เช่น ทะเลาะกับเพื่อน ทะเลาะกับแฟน ทีมบอลที่เชียร์อยู่ชนะ หรือ แพ้ มีคำสั่งยุบพรรค ไม่ยุบพรรค กรณีนี้จะเกิดในกลุ่มที่คุยกัยบ่อยๆ หรือ รู้อยู่ว่า คอเดียวกัน

กิจกรรมที่ 5

การทัศนศึกษาประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์

มีการดำเนินการดังนี้

1.ประชุมนักศึกษาเพื่อร่วมกันเลือกสถานที่ไปศึกษาดูงาน2.เสนออาจารย์เพื่อเขียนโครงการเสนอมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช3.ประชุมกรรมการเพื่อเตรียมการเกี่ยวกับสถานที่ไปศึกษาดูงาน4.เลือกทัวร์ที่เหมาะสมในเรื่องรถ ราคา  วัน  สถานที่5.จัดเก็บเงิน 6.ขออนุญาตไปศึกษาดูงานต่างประเทศ
7.นัดหมายกำหนดการที่แน่นอน
8.เดินทางไปศึกษาดูงาน
9.สรุปรายงานผลการไปศึกษาดูงาน

ได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อนำมาบูรณาการกับการเรียนการสอน   1.การไปศึกษาดูงาน  วันจันทร์  ที่  24 มกราคม 2554 รถออกจาก ม.ราชภัฏนครศรี
     ธรรมราช  
มุ่งหน้าสู่ด่านสะเดา จ.สงขลา รับประทานอาหารเช้า บนรถ  (ข้าวมันไก่ )ประทับ
     ตราหนังสือเดินทาง  ที่ด่านชายแดนไทยเข้าสู่ด่านจังโหลน ประเทศมาเลเซีย
เข้าสู่สถานที่ดูงาน

   Sekolah  Kebangsaan Kodiag school รับประทานอาหารเที่ยง( ข้าวหกไก่ ) ที่ Sekolah  Kebangsaan Kodiag school  ออกจาก Sekolah  Kebangsaan Kodiag school มุ่งหน้าสู่ เกาะปินัง   แลกเงิน ณ จุดแปลกเปลี่ยนเงิน  รับประทานอาหารเย็น เข้าพักโรงแรม Grand  Continental วันอังคารที่  25 มกราคม 2554   รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม Grand  Continental  ออกจากโรงแรม ชมป้อมปืน  รับประทานอาหารเที่ยง ที่ร้าน Garden Seafood  ชมพระราชวังของประเทศมาเลเซีย   ชมอนุสาวรีย์ทหารอาสา   ชมเสาธงที่สูงที่สุดในโลก      ชมตึกแฝด    แวะร้านช็อคโกแลต ออกเดินทางสู่เก็นติ้งเมืองมหานครบนภูเขาสูง      นั่งกระเช้าไฟฟ้า สู่ยอดเขาเก็นติ้ง   ถึงเก็นติ้ง  เข้าสู่ที่พัก โรงแรม First World   รับประทานอาหารค่ำ และชมบรรยากาศภายในเก็นติ้ง พักผ่อนตามอัธยาศัยวันพุธ  ที่  26 มกราคม 2554   รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารของโรงแรม First World  ลงจากเก็นติ้งด้วยรถบัสของเก็นติ้ง  ร้านดิวตี้ฟรี ร้านขนม  รับประทานอาหารเที่ยง Malaysia Kitchen  ชมรัฐสภา  มัสยิดสีชมพู รับประทานอาหารค่ำ  จากนั้นเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่โยโฮบารูเมืองชายแดนติดกับประเทศสิงคโปร์  ถึงด่านแจ้งหนังสือเดินทางออกจากมาเลเซียเพื่อเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์ที่ด่านวู๊ดแลนด์ เข้าสู่ที่พัก  AQUEEN HOTEL วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2554  รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม   หลังอาหารเที่ยวชมบริเวณอ่าวสิงคโปร์ บริเวณเมอร์ไลออน  ร้านดิวตี้ฟรี ช้อบปิ้งบริเวณถนออร์ชาร์ด รับประทานอาหารเที่ยง  เกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa) ชมยูนิเวอร์เซล ชมภาพยนตร์ 4 มิติ ( 4D ) นั่งรถไฟฟ้า ชมบรรยากาศ  รับประทานอาหารเย็น ชมน้ำพุเต้นระบำ Song of the sea ล่องเรือชมอ่าวสิงคโปร์  ออกจากสิงคโปร์กลับสู่ประเทศมาเลเซีย  เข้าพักโรงแรม Selasa วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2554 รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม   Selasa  ออกจากโรงแรม    รับประทานอาหารเที่ยง   ร้านดิวตี้ฟรี เดินทางสู่ประเทศไทย  รับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัย  ถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

ความประทับใจ

จากการศึกษาดูงาน ณ Sekolah  Kebangsaan Kodiag school  มีการแสดงต้อนรับของนักเรียน และกล่าวต้อนรับ พร้อมนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ของ Sekolah  Kebangsaan Kodiag school  ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
Sekolah  Kebangsaan Kodiag school  มี 3 อาคาร เปิดสอน 7 ชั้นเรียน  เปิดเรียนสัปดาห์ละ 5 วัน  มีครู 47 คน เป็นชาย 16 คน หญิง 31 คน  นักเรียนจำนวน 591 คน แต่ละชั้นแบ่งนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ คือ  Excellence   Genius และ  Smart เริ่มเรียนเวลา 7.30 น. เลิกเรียน 12.00 น. โรงเรียนส่งเริมกิจกรรมกีฬา มีโครงการ 1 นักเรียน 1 กีฬา  มีกองทุนค่าใช้จ่ายสำหรับนักเรียน  เช่น หนังสือยืมเรียน  อาหารกลางวัน รายหัว  หัวละ  1.8  ริงกิต  การจัดห้องสำนักงาน และสิ่งแวดล้อมเรียบร้อย เรียบง่าย เน้นความเป็นระเบียบ การจัดห้องเรียนมีความสวยงาม แปลกใหม่ น่าสนใจ อาคารเรียนอนุบาลแยกต่างหาก มีช่วงเวลาพักผ่อนสำหรับนักเรียนอนุบาล ห้องน้ำห้องส้วมสะอาด  มีการวางแผนใช้ประโยชน์อาคารสถานที่อย่างลงตัวและคุ้มค่า
จากการศึกษาดูงานดังกล่าว สามารถนำมาบูรณาการในการเรียนการสอน เกี่ยวกับการจัดแบ่งกลุ่มนักเรียนตามความสมารถ และจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละคน  เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพที่มีอยู่อีกทั้งการจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้แสดงออกความสามารถทางด้านกีฬา ส่งเสริมให้นักเรียนมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี  อยู่ในสังคมโรงเรียนอย่างมีความสุข  นอกจากนี้สิ่งที่สามารถนำมาเป็นแบบอย่าง คือ การจัดบรรยากาศในห้องเรียนที่สามารถจัดตกแต่งได้สวยงาม แปลกใหม่  กระตุ้นความสนใจของผู้เรียน
 เก็นติ้ง ก่อตั้งโดย ลิ้มโกตง  ข้าพเจ้าได้นั่งกระเช้าลอยฟ้า ตื่นเต้นสุดๆ นั่งกระเช้าไฟฟ้า (Genting Skyway) ขึ้นไปบนยอดเขา เก็นติ้ง ซึ่งมีความสูงถึง 1,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระยะทางของกระเช้า 3.4 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างทางจะผ่านผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงามเป็นอย่างมาก บนยอดเขาเก็นติ้งมีโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวให้เลือกอยู่ 5 แห่งด้วยกัน ซึ่งราคาก็ต่างกันไปตามความหรูหราของโรงแรม  ซึ่งคณะดูงานได้พักที่ First World Hotel มี อย่างหนึ่งที่ทุกโรงแรมที่นี่เหมือน กันก็คือ ห้องทุกห้องจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะว่าอากาศที่บนยอดเขาเก็นติ้ง จะเย็นตลอดทั้งปีอยู่แล้ว แค่เปิดหน้าต่างแง้มไว้หน่อยเดียวก็เย็นจับใจแล้ว  โรงแรมที่นี่เค้าจะให้เช็คอินตอนบ่าย 3 โมง และ เช็คเอาท์ตอน เที่ยงตรง สำหรับภายในโรงแรม มีส่วนของช็อปปิ้งและร้านอาหารอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีร้านอาหารนานาชนิด ตั้งแต่ Fast food ไปจนถึง ภัตตาคารสุดหรู  มีสวนสนุก ซึ่งมีให้เลือกเล่นทั้งสวนสนุกในร่มและสวนสนุกกลางแจ้ง เพราะว่ามีเครื่องเล่นให้เลือกเล่นมากถึง 55 ชนิด ทั้งเครื่องเล่นประเภทหวาดเสียว เช่น Genting Sky Venture, Flying Coaster, Turbo Drop เป็นต้น และ รวมไปถึงเครื่องเล่นประเภทสนุกสนานสำหรับคุณน้องคุณหนูตัวน้อยๆ และที่พลาดไม่ได้ก็เห็นจะเป็นส่วนของ Snow World ซึ่งเป็น Snow World ที่ ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย  และที่นี่ก็ยังมี บ่อนคาสิโน  การเข้าไปในบ่อน ผู้ชายต้องสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงยายาว ร้องเท้าหุ้มส้น ผู้หญิงแต่งแบบไหนก็ได้ 
สิงคโปร์ (Singapore)  สิงคโปร์ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว ระดับโลก    มีพื้นที่เท่ากับเกาะภูเก็ต ประมาณ 682.7 ตร.กม. แต่สร้างรายได้ประชาชาติสูงสุดติดระดับโลก 117,083 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลสิงคโปร์เน้นคุณภาพการศึกษาและความรู้เป็นพื้นฐานให้คนสิงคโปร์ทั้งชายและหญิงเป็นคนเก่ง  แต่ก็ต้องประสบปัญหาด้านสังคม เมื่อพบว่าอัตราการเติบโตของประชากรทั้งหญิงและชาย ลดลง ประชาชนไม่ยอมแต่งงานอยู่เป็นโสด และทำงานเลี้ยงตัวเองอย่างเท่าเทียมกัน  สิงคโปร์มีอากาศอบอุ่นชื้นตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 24-31 องศาเซลเซียส สกุลดอลลาร์สิงคโปร์ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 24.5 บาท (26 มกราคม 2554)     น้ำดื่ม  สามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำประปาในสิงคโปร์ได้ สิงคโปร์ มีกฎหมายเคร่งครัดในเรื่องระเบียบวินัย เช่น การถ่มน้ำลาย การทิ้งขยะ กฎจราจร การข้ามถนน การสูบบุหรี่ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นเงิน 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ยกเว้นสถานที่เที่ยวกลางคืน ที่สำคัญห้ามเคี้ยวหมากฝรั่ง ไฟฟ้าและปลั๊กไฟ     ไฟฟ้าเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ 220-240 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ใช้ปลั๊กไฟแบบ 3 ขาสี่เหลี่ยมจัตุรัส  สถานที่ท่องเที่ยวที่ ข้าพเจ้าได้ไปคือ บริเวณ Marina Bay, ปากแม่น้ำสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมอร์ไลออน (Merlion) และเกาะเซ็นโตซ่า  ยูนิเวอร์เซล ได้ชมภาพยนตร์ 4 มิติ  (4D) เรื่อง  Pirates ภาพยนตร์ แนวผจญภัยของเหล่าลูกเรือโจรสลัด และกัปตันลัคกี้ ในการออกค้นหาสมบัติล้ำค่าที่ถูกฝังไว้  การ ชมภาพยนตร์ต้องสวมแว่นตาพิเศษที่โรงหนังจัดให้ ขณะชมเราจะรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนั้น ได้สัมผัสทั้งรูป รส กลิ่น เสียง  สนุกสนานและประทับใจมาก  นอกจากนี้ยังได้ชมน้ำพุเต้นระบำ song of the sea สวยงาม ตื่นตา ผู้คิดค้นช่างมีความคิดสร้างสรรจริง ๆ

กิจกรรมที่ 3

การใช้ข้อมูล spss1.กำหนดค่าใน variable view- name พิมพ์ใส่ชื่อ เพศ,a1,a2,...d3
- width - ระบุตัวเลขความกว้างที่ต้องการ
- deimals - เลือกจุดทศนิยมที่ต้องการ (0)
- value - ใส่ค่า 1= น้อยที่สุด 2= น้อย 3= ปานกลาง 4= มาก 5= มากที่สุด

2. พิมพ์ข้อมูลใส่ใน data view ตามลำดับข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ทั้งหมด ( 20 ชุด)
3. การวิเคราะห์ข้อมูล
- transform-compute-พิมพ์หัวข้อ ta ใน target variable
- เลือก sum. คลิก function แล้วพิมพ์ sum [a1,a2,a3,a4]/4 คลิก ok
- transform-compute-พิมพ์หัวข้อ ta ใน target variable
- เลือก sum. คลิก function แล้วพิมพ์ sum [b1,b2,b3,b4]/4 คลิก ok
- transform-compute-พิมพ์หัวข้อ ta ใน target variable
- เลือก sum. คลิก function แล้วพิมพ์ sum [c1,c2,c3,c4]/4 คลิก ok
- transform-compute-พิมพ์หัวข้อ ta ใน target variable
- เลือก sum. คลิก function แล้วพิมพ์ sum [d1,d2,d3,]/3 คลิก ok
- คลิก amalze - descriptive staiatic - frequencies คลิกเลือกหัวข้อเพศ a1,a2..d3 แล้วคลิก ok แสดงประมวลผล

4.ค่าร้อยละใช้กับ  เพศ  ตำแหน่ง  เงินเดือน  เป็นต้น

5.ค่าเฉลี่ย  ใช้กับ  ข้อคิดเห็นแต่ละข้อ

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แนะนำโรงเรียน


สถานที่ทำงานคือ  
โรงเรียนบ้านอายเลา
อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แนะนำตนเอง

แนะนำตัว ชื่อ  น.ส.จารุณี  จัตตุพงศ์
รหัสนักศึกษา 5346701057
วุฒิการศึกษา ปริญญาโท
สาขา  การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
สถานที่ทำงาน
โรงเรียนบ้านอายเลา อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช
งานที่รับผิดชอบ
หัวหน้าฝ่ายวิชาการ
คติประจำใจ  ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น